การแสดง/การละเล่นของชนเผ่าไทโส้
ในเดือนสามนี้นครพนมจะมีประเพณีที่เด่น ๆ เช่น ประเพณีโซ่ทั่งบั้งของชาวไทโซ่
บ้านโพนจาน ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์และชาวไทยโซ่ ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน ชาวไทโซ่กลุ่มนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกข่า
(เผ่าพันธุ์เดียวกันกับขอมโบราณและมอญเขมร เช่นเดียวกับพวกไทยข่า )
ถิ่นฐานเดิมของไทยโซ่อยู่ที่เมืองมหาชัยเดิมเรียกว่าภูวานากระแด้ง (ไทโซ่มีอยู่มากในแขวงคำม่วนและแขวงสุวรรณเขตประเทศลาว)อพยพเข้ามาอยู่ในดินแดนภาคอีสาน
แถบลุ่มแม่น้ำโขงในสมัยรัชกาลที่ ๓ ประเพณีโซ่ทั่งบั้ง
นิยมทำกันในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
เพื่อบอกกล่าวและเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษที่ให้ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์และมีความสุข
โซ่ทั่งบั้งนี้ ชาวไทโซ่ทั่วไปเรียกว่า แซงสนาม" หรือ เหยา" (เยา)
โดยจัดพิธีเริ่มอัญเชิญผีมูลหรือผีบรรพบุรุษมาสิงสู่ในร่างกายของผู้เหยา
หรือผู้รำ ผู้รำก็จะออกมาแสดงท่าร่ายรำประกอบคำร้อง ใช้ฆ้อง กลอง ฉิ่ง ฉาบ พิณ แคน
ซอ ปี่ และที่สำคัญคือ กระบอกไม้ไผ่ ๓ ปล้อง กระทุ้งเป็นจังหวะ ผู้รำจะรำท่าต่าง
ๆ ตามแต่ว่าผีที่สิงจะมีท่ารำอย่างไร การรำจะมีทั้งสิ้น ๔-๕ รอบ
ซึ่งก่อนรำจะเริ่มจากการเหยา (เยา)
รอบที่ ๑ อัญเชิญบวงสรวงผู้มีฝีมือ นักรบ นักดาบ นักมวย
รอบที่ ๒ ไปคล้องช้าง คล้องม้า เพื่อเป็นพาหนะในการสู้รบ
รอบที่ ๓ เป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นอยู่ของไทยโส้
ด้านการทำกิน ทำไร่ ทำสวน ล่าสัตว์
รอบที่ ๔ เป็นการเผาไร่ เพื่อเตรียมที่จะเพาะปลูก
รอบที่ ๕ จะเป็นการร้องรำ
เพื่อแสดงเอกลักษณ์โดยเน้นที่ความสนุกสนาน
โซ่ทั่งบั้ง ถึงแม้จะกำเนิดมาจากพิธีกรรมงานศพ
ที่เรียกว่า ซางกะมูด และในพิธีเจียดอง คือ
ทำบุญให้แก่พ่อแม่ฝ่ายหญิงซึ่งง่ายชายสัญญาไว้ก่อนจะทำบุญให้ โซ่ทั่งบั้งในฐานะการฟ้อนรำ
การแสดงโซ่ทั่งบั้งตามแบบโบราณ ได้รับการจำลองแบบให้เป็นการฟ้อนโดยประยุกต์ท่ารำจากท่ารำมาตรฐานกรมศิลปกรรมสมกับจำลองท่าฟ้อนตามความเชื่อเรื่องผีวิญญาณผีฟ้าผีแถนเพื่อแสดงเป็นครั้งแรกในงานเทศกาลสงกรานต์จังหวัดสกลนคร
พ.ศ.2521 โดยท่าฟ้อน 7 ท่า ดังนี้ ท่าเชิญผีฟ้า ท่าส่งผีฟ้า ท่าทั่งลั้ง
ท่าถวายดอกไม้และท่าเกี่ยวแขนรำในด้านการแต่งกายสตรีนักฟ้อนที่นิยมแต่งแบบชาวโซ่โบราณจะเกล้าผมทรงสูงทรงมวย
มีฝ้ายสีขาวมัดมวยผมสวมเสื้อผ้าฝ่ายแขนยาวสามส่วนสีดำ หรือย้อมครามติดกระดุมเงินนุ่งซิ่นมัดหมี่ต่อหัวต่อเชิ่งห่มไปด้วยผ้าเก็บดอกหรือผ้าขิดไม่สวมรองเท้าส่วนเครื่องประดับนิยมใช้เครื่องประดับที่ทำด้วยเงินเช่น
ต่างหู สร้อยคอ กำไรข้อมือ กำไลข้อเท้า ในปัจจุบัน
ว่าจะมีการฟ้อนแสดงความเชื่อในพิธีทั่งบั้ง
แต่ชาวโซ่ที่กุสุมาลย์ก็ยังนิยมแสดงโซ่ทั่งบั้งในพิธีเหยาคนป่วยไข้ไปพร้อม ๆ
กันด้วย ชาวโซ่เชื่อว่าวิญญาณที่ทำให้เจ็บป่วยได้นั้น อาจเกิดจากวิญญาณของผี หลายชนิด เช่น ผีฝ้า
ผีมูล ผีกระกูล ซึ่งโดยเงื่อนไขทีหมอเยาเสนอให้ถ้าหากเป็นที่พอใจแล้ววิญญาณผีจะออกจากร่างผู้ป่วยอาการเจ็บไขจะทุเลาลงและหายได้
ในขณะที่หมอเยาซักถามอาการมีการดูดเหล้าไหกันอยู่นั้นคนไข้แม้จะเจ็บป่วยก็จะลุกขึ้นมาร่ายรำเข้ากับเสียงแคนได้ สิ่งที่ประกอบในการแสดงโซ่ทั่งบั่งนอกจากจะมีกลุ่มนักฟ้อนรำสตรีและกลุ่มสาธิตแสดงการเหยาคนป่วยแล้ววิ่งที่ขาดไม่ได้คือ
กลุ่มนักดนตรีและผู้ที่ถือท่อนกระบอกไม้ไผ่ยาว 3 ปล้อง กระทุ้งดิน เป็นจังหวะ
ตามเสียงกลองสิ่งนั้นคือความหมายของ "ทั่งบั้ง" ของเดิมนั้นเอง
รำโซ่ทั่งบั้งของอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร
เป็นการรำประกอบพิธีเหยา
มีวัตถุประสงค์เพื่ออัญเชิญวิญญาณของบรรพบุรุษให้มาช่วยเหลือดูแล แนะนำ บันดาล
ให้อยู่เย็นเป็นสุขหายจากความเจ็บไข้ได้ป่วย
การรำโส้ทั่งบั้งของโส้อำเภอกุสุมาลย์มีท่ารำ ๕ ท่า คือ
๑. ท่าเชิญผีฟ้า เพื่อเชิญวิญญาณบรรพบุรุษที่เข้าทรงหมอเหยาให้มาร่วมสนุกสนาน
๒. ท่าทั่งบั้ง เป็นท่ากระแทกกระบอกไม้ใผ่ลงดินเป็นจังหวะ
๓. ท่าถวายแถน เพื่อแสดงความเคารพบรรพบุรุษ
๔. ท่าส่งผีฟ้า เพื่อเชิญวิญญาณบรรพบุรุษให้ตรวจตราสอดส่องดูแลผู้คนรอบๆ
บริเวณที่รำ
๕. ท่าเลาะตูบ เพื่อติดตามวิญญาณบรรพบุรุษที่กำลังตรวจตราสอดส่องดูแลรอบๆ
บริเวณที่รำก่อนออกจากร่างทรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น